Vanity metrics do nothing for your actual website objectives, but make your marketing efforts look good.
– Jason Amunwa
‘Vanity Metrics’ คือคำเรียกของเครื่องมือ หรือมาตรฐานบางอย่างที่เหล่า Startup ชอบใช้ และก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้หลาย ๆ สตาร์ตอัพต้องปิดตัวลงไปอย่างน่าเสียดาย
ถ้าให้อธิบายให้เข้าใจง่าย ‘Vanity Metrics’ ก็คือการวัดค่าบางอย่างที่ไม่ได้ส่งผลโดยตรงกับการเติบโตของบริษัท แต่กลับทำให้คุณรู้สึกว่าบริษัทคุณเติบโตขึ้นนะ ยกตัวอย่างเช่น ยอด Follow หรือ จำนวน Like สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้คุณรู้สึกว่า บริษัทคุณกำลังเป็นที่รู้จัก แม้ว่ายอดที่แท้จริงอย่างยอดผู้ใช้ หรือยอดดาวน์โหลดจะนิ่งไม่กระดิกเลยก็ตาม
‘Vanity Metrics’ หรือค่าวัดที่หวือหวาเหล่านี้ อาจกลายมาเป็นเครื่องมือที่จะทำลายเราในอนาคตได้ หากเหล่า Founder ยังคงหลงคิดว่ามาตรฐานเหล่านี้คือความสำเร็จ จนลืมหันมามองดูความจริง
และนี่ก็คือตัวอย่างของ ‘Vanity Metrics’ เมื่อต้องเทียบกับ ‘Engagement Metrics’ หรือ การวัดค่าที่สื่อถึงการเติบโตอย่างแท้จริง
Trial Users = ผู้ใช้สินค้าทดลอง
Converting Users = ผู้ใช้ที่ยอมเปลี่ยนจากสินค้าทดลอง เป็นการซื้อสินค้าจริง หรือลูกค้าตัวจริงที่ยอมเสียเงินให้เรานั่นแหละ
Page Views = จำนวนคนที่เข้ามาชมเพจ เว็บไซต์ หรือสินค้าของเรา
Conversion Rate = อัตราส่วนของการเข้าชมเนื้อหาในเว็บไซต์ ที่กลายมาเป็นยอดขายจริง เช่น จำนวนคนสมัคร, จำนวนครั้งในการติดต่อเจ้าหน้าที่ หรือ โอกาสในการขาย
Likes = ยอดไลก์
Engagement = ยอดการมีส่วนร่วมที่มากกว่าการไลก์ เช่น มีการแชร์ต่อ มีการคอมเมนต์ความคิดเห็น มีการติดต่อจริงภายหลัง
Total Customers = จำนวนลูกค้าทั้งหมด
LTV = Customer’s Lifetime Value หรือ มูลค่าที่คาดการณ์ว่าลูกค้าหนึ่งรายจะสร้างให้กับบริษัท
CAC = Customer Acquisition Cost หรือ ค่าใช้จ่ายที่ทำให้ได้ลูกค้ารายใหม่มาหนึ่งราย
Marketing Spend = ค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด
Marketing ROI = Return on investment หรือสิ่งที่ได้รับกลับมากจากการลงทุน