ปี 2018 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ขึ้นสุด ๆ สำหรับชาวสตาร์ตอัพ
เราได้เห็น Startups เกิดใหม่ และยูนิคอร์นสยายปีกกันมากมาย แต่ในขณะเดียวกัน Startups บางส่วนก็โบกมือบ้ายบายเราอย่างไม่ทันตั้งตัว และนี่ก็คือรายชื่อของ 11 Startups ที่ลาจากเราไปในปี 2018

Airware (2011-2018)

สตาร์ตอัพเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการโดรน สร้างซอฟต์แวร์โดรนสำหรับองค์กรต่าง ๆ เช่น บริษัทก่อสร้าง หรือทำเหมือง เพื่อให้นำโดรนไปใช้ประเมินความเสี่ยงได้ โดยไม่ต้องให้พนักงานเสี่ยงอันตรายเวลาลงพื้นที่ แต่สุดท้ายก็ต้องปิดตัวเพราะสู้บริษัทโดรนเจ้าใหญ่ไม่ไหว

Blippar (2011-2018)

แอปพลิเคชันเกี่ยวกับ Augmented Reality (AR) ที่เคยฮิตในสื่อ Print Ads เพราะระบบจะจดจำภาพเป็นหลัก เมื่อเราใช้แอปพลิเคชันส่องไปที่ภาพที่ระบบจดจำไว้ ก็จะเกิดเป็นคลิป หรือภาพโผล่ขึ้นมาให้รู้สึกตื่นตา แต่สุดท้าย AR ก็เสื่อมความนิยมลง Blippar จึงเป็นอีกแอปที่จากเราไป

Bluesmart (2013-2018)

กระเป๋าเดินทางอัจฉริยะที่มี GPS ระบุตำแหน่งในตัว บอกน้ำหนักของกระเป๋าได้ ดูข้อมูลการเดินทางได้ แถมยังมีฟังก์ชันให้ชาร์ตแบตผ่านกระเป๋าได้อีก Bluesmart ถูกปิดในที่สุด เพราะหลายสายการบินห้ามนำแบตเตอรีขึ้นเครื่อง

Lighthouse AI (2014-2018)

กล้องวงจรปิดที่มาพร้อมระบบ AI ทำให้แยกได้ว่าใครเป็นใคร คน ๆ นี้คือคนในบ้านหรือไม่ หรือเป็นแขกของใครหรือเปล่า โดยจะเชื่อมต่อการรายงานเข้ากับโทรศัพท์มือถือ แม้จะฟังดูน่าสนใจ แต่ Lighthouse AI กลับไม่ได้รับความนิยมนัก

Mayfield Robotics (2015-2018)

Mayfield Robotics คือหนึ่งในบริษัทย่อยของ Bosch ที่ผลิตหุ่นยนต์พี่เลี้ยงสุดน่ารักอย่าง “Kuri” เอาไว้ แต่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Mayfield Robotics ก็ต้องปิดตัวลง หลัง Bosch ตัดสินใจว่าจะไม่มี Mayfield Robotics หรือ Kuri ในชื่อของ Bosch อีกต่อไป

Rethink Robotics (2008-2018)

สตาร์ตอัพเจ้าใหญ่อย่าง Rethink Robotics ก็ไม่วายจากเราไป แม้จะมีผลงานโดดเด่นอย่าง Baxter และ Sawyer มาแล้ว แต่ Rethink Robotics กลับไม่สามารถสร้างกำไรได้มากพอจะอยู่ต่อไป จนต้องปิดตัวลงในเดือนตุลาคมอย่างน่าเสียดาย

Shyp (2013-2018) 

บริการขนส่งแบบ On Demand Delivery ที่เคยฮิตสุด ๆ จนแทบจะเป็นความหวังใหม่ของวงการอย่าง Shyp ถูกปิดตัวลงอย่างงง ๆ ท่ามกลางความเสียดายของผู้ใช้บริการ

ต้องเล่าก่อนว่า Shyp คือบริการขนส่ง ที่เพียงผู้ใช้ถ่ายรูปอัพขึ้นแอป พนักงานส่งก็จะมาแพ็คสินค้าส่งต่อให้อย่างรวดเร็ว โดยที่เราสามารถติดตามตัวพนักงานได้ แถมยังมีค่าบริการที่ถูกแสนถูก ในราคา 5$ (หรือราว ๆ 161 บาท) แต่ด้วยค่าบริการที่ค่อนข้างถูก กำไรต่อหัวจึงต่ำมาก ค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น ทำให้ Shyp หมุนงบไม่ทัน และขาดทุน จนในที่สุดเงินทุนที่มีก็หมดลง

ที่มา : https://techcrunch.com/2018/12/24/remembering-the-startups-we-lost-in-2018