โควิดยังไม่หาย เศรษฐกิจโลกก็พร้อมจะย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ แถมข่าวไวรัสสายพันธุ์ใหม่ก็ยังไม่หยุด! ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เวลานี้คือช่วงเวลาที่เหล่า Founder ของ Startup รู้สึกเคว้งคว้างมากที่สุด! เพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่อาจคาดเดาอะไรได้เลย
แม้สถานการณ์จะ Crisis แต่ธุรกิจก็ยังต้องเดินต่อ! จะมัวแต่อยู่เฉย ๆ ให้จมน้ำลึกกว่าเดิมไม่ได้! สิ่งแรกที่เหล่าเจ้าของธุรกิจต้องทำ จึงเป็นการถอยกลับมาทบทวนธุรกิจของตัวเองให้มากขึ้น เพื่อคาดการณ์สถานการณ์ต่อไป
ว่ากันว่า ‘วิกฤต’ มักทำให้พฤติกรรมของเราเปลี่ยนไป เพราะสิ่งที่ทำอยู่เดิม อาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากพอแล้ว สิ่งที่ยากที่สุดในช่วงเวลาแบบนี้ จึงเป็นการทำให้ทั้งทีม มองเห็นถึงสภาวะความวิกฤตที่เป็นอยู่ และปรับเปลี่ยนแนวทางไปในทิศทางเดียวกันได้ และนี่ก็คือ 5 เรื่องสำคัญ ที่เหล่า Founder ควรทำ! เมื่อธุกิจอยู่ในภาวะวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นช่วงเตรียมรับมือ ช่วงปรับตัว หรือหลังผ่านวิกฤตไปแล้วก็ตาม
1. พยายามคุย 1-1 กับคนในทีมอยู่เสมอ และอย่าลืมจดไว้ด้วยนะ ว่าคุยอะไรกันบ้าง

สิ่งสำคัญในช่วงวิกฤตคือ คุณต้องรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นบ้าง และเพื่อการนั้น คุณก็จำเป็นต้องคุยกับคนในทีมบ่อย ๆ ถ้าเป็นการคุยแบบส่วนตัว 1-1 ได้ยิ่งดีเลย!
นอกจากจะคุยเพื่อติดตามสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว อย่าลืมถามความเห็นในเรื่องอื่น ๆ เสริม อาทิ คิดว่าอะไรคือความท้าทายตอนนี้ และจดโน๊ตคำตอบของพวกเขาไว้ (การจดโน๊ตจะช่วยแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และแสดงว่าคุณกำลังตั้งใจฟังพวกเขาอยู่จริง ๆ) อาจจะลองให้เขาถามกลับดู เพื่อเปิดโอกาสให้ทีมให้พูดเรื่องที่ยังไม่มีโอกาสได้พูด
เมื่อจบบทสนทนา ก็อย่าลืมตั้งคำถามทิ้งท้ายว่า ทีมสามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้งานสำเร็จตามเป้า ภายในเวลาที่คุยกันไว้ และนัดหมายวันคุยกันครั้งต่อไปทันที การทำแบบนี้จะช่วยให้ทั้งคุณและทีมงานรู้สึกถึงความชัดเจนในหน้าที่ของตัวเอง
2. ประชุมทีมให้บ่อยขึ้น

ไม่สำคัญว่า Startup ของคุณจะใหญ่หรือเล็ก แต่การประชุมทีมบ่อย ๆ หรือเป็นประจำ จะช่วยทบทวนเป้าหมายให้ทีมเข้าใจความรับผิดชอบของตัวเองมากขึ้น และยังทำให้ทีมงานได้แชร์ปัญหาที่ตัวเองเจอให้กับทีมอื่นด้วย การประชุมเหล่านี้ ถ้ามีคนไม่ว่าง อย่างน้อยก็ต้องมีตัวแทนของแต่ละทีมเข้ามาประชุมด้วยนะ
3. ใช้ช่องทางสื่อสารเพียงช่องทางเดียว

เพื่อป้องกันไม่ให้มีข้อมูลตกหล่น และหากเป็นไปได้ ก็ควรแยกช่องทางตุยปกติกับช่องทางคุยงานออกจากกันให้ชัดเจนด้วยนะ
4. หากต้องมีการเสียสละเกิดขึ้น Founder หรือเจ้าของธุรกิจ ควรเป็นคนแรกที่แสดงตัวอย่างให้ทุกคนเห็น

บางครั้ง ‘การเสียสละ’ ก็จำเป็นต่อการรักษาธุรกิจไว้ หากกระแสการเงินไม่ค่อยดี ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าของธุรกิจที่จะต้องแสดงให้ทุกคนในทีมเห็นถึงความเป็นผู้นำ แต่ห้ามขอให้พวกเขาทำตามเด็ดขาด นอกจากพวกเขาจะขอทำเอง (นี่คือช่วงเวลาอันมีค่าที่จะทำให้คุณเห็นว่า ใครมีแนวโน้มช่วยคุณระงับเหตุการณ์คันขันนี้!)
แต่ถึงจะไม่มีใครยื่นมือเข้ามา เจ้าของธุรกิจอย่างคุณก็ควรต้องทำอยู่ดี เพื่อสร้างความประทับใจให้คนในทีมจดจำ และเมื่อมันเป็นเรื่องของความอยู่รอด ก็มีให้เลือกแค่ จะทำ หรือจะไม่ได้ทำอีกเลยเท่านั้น
5. คาดการณ์อนาคตอยู่เสมอ

พยายามติดตามสถานการณ์ปัจจุบัน คาดการณ์อนาคตให้บ่อยขึ้น แล้วอัพเดทข้อมูลกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้เร็วที่สุด การสื่อสารกันมากกว่าปกติ ย่อมดีกว่าการปล่อยผ่านข้อมูลที่ผิดพลาดนะ
ยิ่งวิกฤตที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากแค่ไหน มันก็จะยิ่งผลักดันให้ Startup ของคุณก้าวกระโดดไปสู่ความสำเร็จได้เร็วขึ้นเท่านั้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้น จะช่วยให้คุณมองเห็นปัญหาที่แฝงตัวอยู่ใน Business Model เร็วขึ้น และถ้าคุณแก้ไขมันได้ทัน ความสำเร็จก็รออยู่ข้างหน้าแล้วล่ะ!