สวัสดีครับ หลายเดือนที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสเข้าไปทำเรื่อง วัฒนธรรมขององค์กร เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม และการแข่งขันทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นปัญหาของทุกองค์กรที่กำลังมีแผนในการปรับตัวให้ธุรกิจเข้าโหมด “ออนไลน์” คือเรื่อง “คน” 

โดยเฉพาะในมุมมองผู้บริหารเองที่เชื่อในสิ่งที่ลูกน้องหรือพนักงานแสดงออก ซึ่งแน่นอนว่านั่นคือเรื่องจริง ที่คนเป็นอุปสรรคสำคัญในการ Transform ไปสู่ธุรกิจที่ใช้ Digital Technology แต่ก็ใช่ว่าการเปลี่ยนแปลงทำไม่ได้ 

ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อเรื่อง “คน” อย่างจริงจัง ผมเชื่อว่าคนเป็นทรัพยากรที่มีความยืดหยุ่นสูง ผู้บริหารสามารถทำให้ทรัพยากรนี้มีประสิทธิภาพอย่างมหาศาล และแน่นอนว่าผู้บริหารก็สามารถทำให้คนกลายเป็นต้นทุนที่ไม่สร้างโอกาสได้อย่างมหาศาลเช่นกัน ซึ่งก่อนจะเข้าถึงเรื่องการสร้างคนอย่างไรให้ออนไลน์ ผมอยากจะเริ่มที่ความเข้าใจที่มักจะทำให้เรามองคนว่าไม่พร้อมในการที่จะให้เขาเข้าโหมด “ออนไลน์”

4 ความเชื่อ ‘เขาไม่ออนไลน์’

จากประสบการณ์ส่วนตัวผมพบ 4 ความเชื่อสำคัญที่ทำให้ผู้บริหารมองว่าพนักงานของเขาไม่สามารถออนไลน์ได้ดังนี้

อายุ

ผู้บริหารจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่าออนไลน์เป็นเรื่องของ Gen และเชื่อว่าที่ธุรกิจยังไม่สามารถสร้างการตลาดออนไลน์ได้ประสบความสำเร็จ เพราะงานกำลังถูกขับเคลื่อนโดยคนรุ่นเก่า “เราต้องหาเลือดใหม่ คนรุ่นใหม่ เข้ามาเปลี่ยนองค์กร”

ข้อนี้เป็นเรื่องที่ผมพบเจอจำนวนมาก แต่เราหลงลืมอะไรไปไหมครับ ในระหว่างที่ผมกำลังพินิจกับสิ่งที่ผู้บริหารกำลังอธิบายว่าข้อจำกัดเรื่องอายุมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น ผมก็ เอ๊ะ!! เราก็กำลังคุยกับคนที่อายุเจียนจะ 60 อยู่แล้วนะ แต่คนตรงหน้าผมก็กำลังพูดเรื่องออนไลน์และโดยมากเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าแนวโน้มธุรกิจในอีก 5-10 ปีข้างหน้า จะใช้ Digital Technology อย่างไร 

ดังนั้นผมจึงสรุปได้ว่าการผลักธุรกิจเข้าสู่ออนไลน์ “อายุ” ไม่ใช่สาระสำคัญหลัก แต่เป็นความตระหนัก และแรงจูงใจต่างหากที่จำเป็น

ความรู้

พนักงานผมไม่มีความรู้เรื่อง Digital ซึ่งอันนี้ก็จริงครับ แต่ถ้ามองให้รอบด้าน การจะใช้ Digital Technology เข้ามาพัฒนาธุรกิจ ความรู้สำคัญมีสองเรื่องครับ คือความรู้เรื่อง Digital Technology และความรู้เรื่องธุรกิจ การที่เราใช้คนภายนอกทั้งหมด เขาเหล่านั้นก็ต้องเข้ามาศึกษาความรู้เรื่องธุรกิจเช่นกัน ในขณะที่ถ้าเราใช้คนใน เราก็ต้องเติมความรู้เรื่อง Digital Technology ไม่ว่าจะทางใดก็ต้องเพิ่มเติมเช่นกัน

ดังนั้นความรู้ของคนในจึงไม่ใช้ข้อจำกัดที่จะทำให้เราใช้งานเขาไม่ได้ ที่สำคัญการเพิ่มองค์ความรู้ให้กับพนักงานเดิมจะเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการเติบโตให้เขาด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่าต้องผ่านกระบวนการสร้าง Motivation เพื่อให้เขาเปิดรับ

ประสบการณ์

ทีมงานผมไม่มีประสบการณ์ในการทำออนไลน์ คำถามที่ผมมักถามกลับคือ ทีมงานพี่เล่น Line, Facebook, IG หรือ ดูหนัง ฟังเพลงผ่านสื่อออนไลน์ไหมครับ ถ้าใช่…เขามีประสบการณ์แล้วครับ แค่ยังไม่ได้ปรับใช้กับงานเท่านั้นเอง

ดังนั้น สิ่งที่บริษัทควรทำ คือ ทำให้พนักงานเห็นถึงจุดเชื่อมโยงนี้ว่า “ออนไลน์” มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด ผมมักพบว่าเวลาผู้บริหารพูดกับพนักงานเรื่องการจะเอาธุรกิจเข้าสู่โลกออนไลน์มักจะเริ่มจาก Case ยาก ๆ และไกลตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเป็นเรื่องที่ผู้บริหารอินคนเดียว ทำให้ไม่เกิดแรงกระตุ้นให้พนักงานรู้สึกอยากเปลี่ยนเพราะมันไม่อิน สำหรับเขา ดังนั้นถ้าจะพาทีมงานให้ออนไลน์ผมแนะนำให้เริ่มจากเรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัว ให้ความสำเร็จเล็ก ๆ เป็นตัวเชื่อมให้ทีมงานเราเข้าสู่ออนไลน์ง่ายกว่า

ทัศนคติ

ในบรรดา 4 ข้อที่ว่ามา ข้อนี้ผมเห็นว่ามีผลมากที่สุดที่คนจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเข้าสู่โลกออนไลน์ได้ เพราะเรามักยึดติดกับความสำเร็จในอดีต พวกเราทุกคนเป็นเราในวันนี้ด้วยความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ในอดีตที่ผ่านมา

คนที่เคยประสบความสำเร็จด้วยการทำงานหนักก็จะเชื่อและสอนคนอื่นว่าต้องทำงานหนักจึงจะประสบความสำเร็จ คนที่ให้เส้นสายในการก้าวหน้าก็จะเชื่อว่าการสร้างเครือข่าย เป็นคนอัธยาศัยดีจะสามารถสร้างโอกาสที่จะก้าวหน้าได้ในอนาคต ฉันใดก็ฉันนั้น ธุรกิจที่อยากจะปรับตัวเข้าสู่ออนไลน์ส่วนใหญ่มีประสบการณ์ความสำเร็จในอดีตของตัวเอง และแน่นอนว่าความสำเร็จนั้นก็สร้างขึ้นมาจากพนักงานปัจจุบันที่กำลังทำงานกับเราอยู่ 

นั่นหมายความว่าคนที่กำลังนั่งทำงานอยู่กับเรานั้น เขามีมุมมองความสำเร็จจากแนวทางเดิมที่ธุรกิจประสบความสำเร็จ ซึ่งนั้นก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเขาเหล่านั้นเข้าใจคุณค่าที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและหมายรวมถึงเขาเข้าใจความต้องการหรือความคาดหวังของลูกค้า ส่วนข้อเสียคือเขาจะปรับตัวได้ช้าเพราะยึดติดความสำเร็จเดิม แต่ “ทัศนคติ” ใช่ว่าจะปรับเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าผู้บริหารอ่านถึงตรงนี้แล้วยังไม่เชื่ออยากให้ลองย้อนมอง ว่าเราเองก็มีจุดที่ยึดติดกับความสำเร็จในอดีต แต่เราก็ปรับมุมมองเนื่องจากเราได้เห็น ได้เรียนและได้รู้มากขึ้น พวกเขาก็เช่นกัน…คุณว่าจริงไหม?